จากกรณีข่าวอื้อฉาวที่เกิดขึ้นล่าสุด ทำให้ชื่อของ นาวาตรี สมรักษ์ คำสิงห์ ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก กลับมาอยู่ในความสนใจของคนในสังคมอีกครั้ง
โดย นาวาตรี สมรักษ์ คำสิงห์ ร.นคำพูดจาก สล็อตวอเลท. เป็นชาวหมู่บ้านโนนสมบูรณ์ อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น (ปัจจุบันคือ อำเภอบ้านแฮด) เกิดเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2516 ในครอบครัวยากจน เป็นบุตรคนกลาง ในจำนวนลูกทั้ง 3 คน ของนายแดงและนางประยูร คำสิงห์ มีชื่อเล่นว่า "บาส"
"พลังประชารัฐ" เร่งสอบข้อเท็จจริงกรณี "สมรักษ์" ปมถูกกล่าวหาลวนลามสาว 17 ปี
ทนายดังคาด! “สมรักษ์” อาจไม่รอด 3 ข้อหา แม้ไม่รู้อายุเด็ก
"สมรักษ์" ปฏิเสธเสียงแข็ง ไม่รู้สาวอายุแค่ 17 ยันไม่ได้ข่มขืน!
เส้นทางมวยไทย
สมรักษ์ เข้าเรียนครั้งแรกที่โรงเรียนมหาไถ่ศึกษาโนนสมบูรณ์ ด้วยเหตุที่สมรักษ์มีพ่อเป็นนักมวยเก่า จึงได้รับการฝึกการชกมวยไทยมาตั้งแต่เด็ก ขึ้นชกมวยครั้งแรกขณะอายุได้ 7 ปี และได้ตระเวนชกตามเวทีงานวัดต่าง ๆ จนทั่ว และได้รับการทาบทามจาก ณรงค์ กองณรงค์ หัวหน้าคณะณรงค์ยิมและกลายเป็นนักมวยมีชื่อในแถบจังหวัดขอนแก่น
ต่อมาย้ายไปอยู่ค่ายศิษย์อรัญ เข้ามาชกมวยในกรุงเทพฯ ได้ไปเรียนที่ โรงเรียนผะดุงศิษย์พิทยา โดยชกทั้งมวยไทย และมวยสากลสมัครเล่น สมรักษ์ขึ้นชกมวยไทยในชื่อ "พิมพ์อรัญเล็ก ศิษย์อรัญ" แต่พอสมรักษ์ขึ้น ม.2 พ่อก็ถึงแก่กรรม
ในเส้นทางมวยไทย สมรักษ์ตระเวนชกตามเวทีต่างทั้ง ชลบุรี สำโรง อ้อมน้อยจนกระดูกแข็ง เจนสังเวียนมากขึ้นจึงขึ้นชกมวยที่เวทีมาตรฐานทั้งเวทีราชดำเนินและเวทีลุมพินี มีโอกาสขึ้นชกกับนักมวยชื่อดังยุคนั้นหลายคน เช่น ชาติชายน้อย ชาวไร่อ้อย, ช้างน้อย ศรีมงคล, บัวขาว ป.พิสิษฐ์เชษฐ์, ฉมวกเพชร ช่อชะมวง
จนปี 2538 สมรักษ์ ขึ้นชกมวยไทยครั้งสุดท้าย ชนะน็อค สุวิทย์เล็ก ส.สกาวรัตน์ จากนั้นจึงหันมาเอาดีด้านมวยสากลสมัครเล่นอย่างเดียว เนื่องจากค่าตัวสูงสุดที่ได้รับจากการชกมวยไทยอยู่ที่ราว 180,000 บาท
เส้นทางมวยสากลสมัครเล่น
สมรักษ์ เริ่มเข้าแข่งขันมวยสากลสมัครเล่นในนามของโรงเรียน เมื่อ พ.ศ. 2528 เมื่ออายุ 12 ปี โดยมีพิกัดน้ำหนัก 52 กิโลกรัมเมื่อจบ ม.6 จากโรงเรียนผดุงศิษย์ฯ ได้รับการทาบทามจากสโมสรราชนาวีให้ชกมวยสากลสมัครเล่นในนามของสโมสรและจะบรรจุให้เข้ารับราชการในกองทัพเรือด้วย ซึ่ง สมรักษ์ ประสบความสำเร็จได้ทั้งแชมป์ประเทศไทยและเหรียญทองกีฬาแห่งชาติ
เส้นทางนักมวยประวัติศาสตร์
สมรักษ์ เข้าสู่ทีมชาติครั้งแรก ในการแข่งขันโอลิมปิก ที่บาร์เซโลนา ใน พ.ศ. 2535 ในรุ่นเฟเธอร์เวท แต่ตกรอบสองหลังแพ้ ฟาอุสติโน เรเยส นักมวยจากสเปน จากนั้นในปี 2536 ได้เหรียญทองมวยทหารโลกที่ประเทศอิตาลี จากนั้น สมรักษ์ เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาเป็นครั้งแรก จากการเป็นนักกีฬาไทย ที่ได้เหรียญทองเพียงคนเดียว ในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 12 ในปี พ.ศ. 2537 ที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นเกือบจะถูกตัดสิทธิ์เพราะตรวจสมรรถภาพร่างกายไม่ผ่านในครั้งแรก
จากนั้นในปี 2538 สมรักษ์ ได้เหรียญทองจากกีฬาซีเกมส์ที่เชียงใหม่ และผ่านการคัดเลือกไปแข่งกีฬาโอลิมปิกรอบสุดท้ายได้สมรักษ์โด่งดังถึงที่สุดในปี 2539 เมื่อสามารถคว้าเหรียญทองจากโอลิมปิกมาได้ โดยชนะ เซราฟิม โทโดรอฟ จากบัลแกเรีย ด้วยคะแนน 8-5 ซึ่งการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกในครั้งนี้ การสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.) ได้ออกแสตมป์ที่มีรูปการชกรอบชิงชนะเลิศของสมรักษ์ เพื่อเป็นที่ระลึกถึงเหตุการณ์นี้ และทางกองทัพเรือ (ทร.) ต้นสังกัดก็ได้เลื่อนยศให้สมรักษ์เป็นเรือตรี (ร.ต.) ซึ่งเดิมสมรักษ์มียศเป็นจ่าเอก (จ.อ.)
วีรบุรุษโอลิมปิก
ภายหลังจากได้เหรียญทองแล้ว สมรักษ์ กลายเป็นบุคคลชื่อดังไปในทันที ภายหลังจากกลับมาจากโอลิมปิคที่แอตแลนต้าแล้ว ก็มีงานในวงการบันเทิงเข้ามา เริ่มจาก ละครเรื่อง "นายขนมต้ม" ทางช่อง 7 ที่รับบทเป็นนายขนมต้มพระเอก และนับแต่นั้นมา สมรักษ์ ก็มีสถานะเหมือนเป็นดารา มีงานต่าง ๆ เข้ามา ทำให้เอาใจใส่ในการชกมวยน้อยลง ซึ่งหลังจากได้รับเหรียญทองกีฬาเอเชียนเกมส์ในปี 2541 แล้ว การชกครั้งหลังจากนี้ สมรักษ์ ไม่ประสบความสำเร็จเลย โดยเข้าแข่งขันโอลิมปิกที่ซิดนีย์ ปี 2543 และโอลิมปิก ที่กรุงเอเธนส์ ปี 2547 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้เลิกชกมวยสากลสมัครเล่นอย่างเด็ดขาด
ชีวิตครอบครัว
สมรักษ์ สมรสกับ เสาวนีย์ คำสิงห์ ที่รู้จักกันมาตั้งแต่ทั้งคู่ยังเรียนหนังสืออยู่ที่ขอนแก่น มีบุตรด้วยกัน 2 คน คนโตเป็นหญิง ชื่อ "เบสท์ รักษ์วนีย์ คำสิงห์" และคนเล็กเป็นชาย ชื่อ "โบ๊ท ภูวรักษ์ คำสิงห์"กระทั่งวันที่ 11 ธันวาคม 2566 สมรักษ์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่าได้หย่ากับภรรยาเมื่อ 2 เดือนก่อน
เส้นทางการเมือง
ในวันที่ 12 พฤษภาคม 2554 สมรักษ์ ได้เปิดตัวเป็นผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. สังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา ร่วมกับเพื่อนนักมวยอีก 3 คน ได้แก่ เขาทราย แกแล็คซี่, มนัส บุญจำนงค์ และเจริญทอง เกียรติบ้านช่อง โดยที่สมรักษ์ลงรับสมัครเลือกตั้งในเขต 10 อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง
และในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 สมรักษ์ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในเขต 11 จังหวัดขอนแก่น สังกัดพรรคพลังประชารัฐ แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง
ตกเป็นข่าวอื้อฉาว
สมรักษ์ ตกเป็นข่าวอื้อฉาวเป็นระยะ ทั้งกรณีในปี 2561 ราชกิจจานุเบกษาออกประกาศให้พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย 2483 เนื่องจากมีหนี้สินจากการเปิดปั๊มน้ำมันกว่า 4 ล้านบาท
หรือในปี 2564 สมรักษ์ ตกเป็นข่าวถูกโกงค่าลอตเตอรี่กว่า 11 ล้านบาท หลังจากเขาเข้าเป็นคนกลางจัดซื้อลอตเตอรี่ให้ จากยี่ปั๊วที่แอบอ้างว่ามีโควตาลอตเตอรี่
ปลายปี 2564 สมรักษ์ ตกเป็นข่าวอีกครั้ง จากกรณี อดีต สจ.รายหนึ่ง ที่ก่อเหตุยิงภรรยาและลูกสาวก่อนยิงตัวเองเสียชีวิตรวม 4 คน ในบ้านพักย่านถนนกรุงเทพกรีฑา โดย สมรักษ์ เข้ามาเกี่ยวข้องกับคดี เนื่องจากได้นัดเจรจาไกล่เกลี่ยเรื่องเงินค่าลอตเตอรี่ที่ได้ให้ อดีต สจ.รายดังกล่าว ช่วยจัดหา แต่ยังไม่ได้รับเงิน
กระทั่งล่าสุด ในปี 2566 สมรักษ์ ตกเป็นข่าวอื้อฉาวอีกครั้ง เมื่อมีเยาวชนหญิงวัย 17 ปีรายหนึ่ง เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองขอนแก่น ว่าถูกเขาพาเข้าโรงแรมในเขตเทศบาลนครขอนแก่น และลวนลามจนสำเร็จความใคร่ ซึ่งกรณีนี้ สมรักษ์ ยังให้การปฏิเสธว่าไม่รู้อายุของเยาวชนรายดังกล่าวมาก่อน และยืนยันว่าไม่ได้ข่มขืน ซึ่งขณะนี้คดียังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน ยังไม่มีการพิสูจน์ความจริงอันเป็นที่สุด
ขอบคุณภาพบางส่วนจาก :วีรบุรุษโอลิมปิคของไทย
กฟภ.ขายพันธบัตร 3 พันล้านบาท ดอกเบี้ย 3.84% ต่อปี จ่ายทุก 6 เดือน
ตำรวจไล่เก็บภาพวงจรปิด เตรียมออกหมายเรียก "สมรักษ์ คำสิงห์" พบพนักงานสอบสวน
หมอทหารคลั่ง ! ใช้อาวุธปืนยิงขู่ในหมู่บ้านย่านสมุทรปราการ